bookmark_borderจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อร่างกายได้รับคาเฟอีนมากเกินไป 

เมื่อร่างกายได้รับคาเฟอีน โดยคาเฟอีน เป็นหนึ่งสารที่อยู่ในกาแฟ ซึ่งรู้หรือไม่ว่าในแต่ละวันนั้นหากเราดื่มกาแฟเข้าไป ร่างกายของเราก็จะได้รับสารคาเฟอีน

ซึ่งเป็นสารที่สามารถช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบประสาทของเราได้ ช่วยกระตุ้นการทำงานของร่างกาย ทำให้ร่างกายเกิดการตื่นตัว และรู้สึกสดชื่นได้ โดยในแต่วันนั้นเราจะเห็นได้ว่า คนส่วนใหญ่ชื่นชอบการดื่มกาแฟมาก ๆ เพราะมองว่าสามารถช่วยแก้ง่วงได้เป็นอย่างดี เพราะมีสารที่ช่วยให้ร่างกายเกิดการตื่นตัว

และบางคนก็อาจไม่ได้ดื่มเพียงแก้วเดียวต่อวัน อาจดื่มมากกว่า 2 แก้ว เพราะอาจจะมองว่า ยิ่งเราดื่มเยอะก็จะยิ่งทำให้ร่างกายตื่นตัวได้มากขึ้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว ร่างกายของคนเรารับปริมาณของกาแฟได้เพียงวันละไม่เกิน 2 แก้ต่อวัน เพราะหากเราดื่มเยอะไปมากกว่านี้ก็อาจส่งผลกระทบต่อร่างกายของเราได้ แน่นอนว่านอกจากจะทำให้เรามีอาการใช้สั่นแล้ว ยังอาจส่งผลกระทบไปยังการใช้ชีวิตได้อีกด้วย เพราะถึงแม้ว่าสารคาเฟอีนจะมีประโยชน์ต่อร่างกายของเรามากแค่ไหนก็ตาม

ก็ควรดื่มในปริมาณที่เหมาะสมต่อความต้องการของร่างกาย ฉะนั้น วันนี้เราพาทุกคนไปดูกันว่า หากร่างกายของเราได้รับคาเฟอีนเกินขนาดจะส่งผลกระทบต่อร่างกายของเราอย่างไรบ้าง ไปดูกันเลย 

1.มีอาการใจสั่น แน่นอนว่าการที่ร่างกายของเราได้รับปริมาณของคาเฟอีนมากเกินไปจะยิ่งทำให้เรามีอาการใจสั่นได้ง่าย หัวใจเต้นแรงผิดปกติ หากใครที่มีอาการดังกล่าวนี้เกิดขึ้นอยู่บ่อย ๆ ก็อาจบ่งบอกได้ว่าร่างกายของคุณนั้นกำลังได้รับคาเฟอีนที่เกิดขนาดนั่นเอง ฉะนั้น ทางที่ดีควรที่จะลดปริมาณลงเพื่อไม่ให้มีอาการที่รุนแรงไปมากกว่านี้ 

2.มีลำไส้ที่แปรปรวน เนื่องจากสารคาเฟอีนจะเป็นสารที่มีฤทธิ์ช่วยขับน้ำออกมาจากร่างกาย หากร่างกายของเราได้รับคาเฟอีนเข้าไปในปริมาณที่มาเกินไป ก็จะส่งผลกระทบไปยังลำไส้ ทำให้ลำไส้ของเรานั้นเกิดการแปรปรวนได้ง่าย หรือนบางครั้งเกิดอาการปั่นป่วนจนทำให้เรานั้นต้องขับถ่ายอยู่บ่อย ๆ นั่นเอง 

3.การเสียชีวิตกะทันหัน หลายคนอาจจะไม่เคยรู้ว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่ร่างกายของเราได้รับคาเฟอีนที่เกิดขนาด หรือเกินความต้องการของร่างกาย จะทำให้เรามีโอกาสเสี่ยงต่อการเสียชีวิตลงอย่างกระทันกันได้ เพราะหากร่างกายของเราได้รับคาเฟอีนมากเกินไป จะทำให้หัวใจของเราเต้นเร็วมากขึ้น จนอาจเต้นผิดจังหวะได้ ซึ่งหากอาการนี้เกิดขึ้นบ่อย ๆ ก็อาจทำให้เราเสียชีวิตลงอย่างกะทันหันได้นั่นเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่เป็นโรคหัวใจ หรือคนที่มีความดันโลหิตอยู่แล้วนั่นเอง 

 

ได้รับการสนับสนุนจาก    เครื่องช่วยฟังคนหูหนวก

bookmark_borderกินอย่างไรเมื่อเข้าภาวะไตเสื่อม

สำหรับคนที่มีภาวะไตเสื่อมระยะ3b 4-5บางคนกสงสัยว่าตอนนี้เราอยู่ในระยะไหนแล้วดังนั้นเรามาดูค่าของGFR ถ้าระยะ3b GFR ประมาณ30-44 ในระยะที่4 GFR 15-29 และก็ระยะที่5 GFRน้อยกว่า15 ถ้าหากว่าใครไปพบคุณหมอแล้วก็ได้ผลเลือดกลับมาประมาณนี้เราจะได้มาดูกันว่าเราจะต้องทำตัวยังไงอยู่กับภาวะไตเสื่อมระยะนี้ยังไงที่จะให้ปลอดภัย

กินอย่างไรเมื่อเข้าภาวะไตเสื่อม ชะลอการเสื่อมของไตได้มากที่สุดชะลอและยืดระยะของการฟอกให้ได้นานที่สุดมาถึงอันดับแรกเลยที่เราจะต้องดูแลและระมัดระวังระยะนี้ระยะไตเสื่อม3b 4-5 จะเป็นระยะไตทำงานน้อยลงแล้วเริ่มทำงานน้อยลงการขับน้ำส่วนเกินก็จะทำได้ไม่เต็มที่เราจะเหลือน้ำค้างอยู่ในร่างกายฉี่เริ่มออกน้อยลงตัวเริ่มบวมมากขึ้นหน้าเริ่มบวมขาเริ่มบวมอะไรอย่างนี้มาดูกันว่า

ปริมาณน้ำที่ควรดื่มต่อวันระยะ3b 4-5 GFน้อยกว่า44ดื่มยังไงทำยังไง น้ำดื่มในแต่ละวันให้เราตวงหาจำนวนปัสสาวะต่อวันแล้วก็นำเอามาบวกไปอีก500อันนี้จะเป็นปริมาณของน้ำดื่มขอเราที่จะสามารถดื่มได้ในแต่ละวันทีนี้บางคนบอกว่าจำนวนของปัสสาวะต่อวันคิดยังไงก็คือ

ถ้าหากว่าอยากให้ตรงจริงๆเลยเราอยากให้คุณเก็บปัสสาวะรวมๆกันสัก7วันและให้จดเอาไว้บวกกันให้ได้7วันแล้วนำเอามาหาร7เอามาเป็นค่าเฉลี่ของจำนวนปัสสาวะลองดูเมื่อเราเอาจำนวนของปัสสาวะทั้ง7วันแล้วนำเอามาหาร7เราจะได้เป็นปัสสาวะต่อหนึ่งวันอันนี้จะเป็นค่าเฉลี่ยของทุกๆวันในระยะหนึ่งสัปดาห์ของเราก็จะได้เป็นจำนวนปัสสาวะของเราที่ได้มาก็มาบวกอีก500นั่นคือปริมาณน้ำที่ดื่มได้ในแต่ละวัน

ซึ่งหลังจากนั้นก็ให้ตวงเอาไว้เลยเพื่อเป็นการเตือนสติว่าในหนึ่งวันเรามีโควต้าในการที่จะดื่มน้ำได้แค่นี้บางคนประมาณว่าตวงน้ำดื่มเอาไว้แล้วเวลาจะไปกินกาแฟกินชาเย็นกินน้ำผลไม้กินน้ำอื่นๆที่ไม่ใช่น้ำเปล่าก็จะไม่คิดที่จริงแล้วมันไม่ถูกต้องต้องคิดทั้งหมดเลย

สมมุติว่าเราตวงน้ำเอาไว้แล้วโควต้าน้ำของเราสมมุติว่าเรามีปัสสาวะต่อวันประมาณ500ccและบวกไปอีก500ก็คือวันนึงเราสามารถดื่มน้ำได้ลิตรนึงถ้าวันไหนที่เราไปทานน้ำหวานมาสักแก้วนึงประมาณ250ccเราจะต้องมาเทน้ำออกจากขวดที่เราเตรียมเอาไว้ออก250cc

เพราะว่าโควตาน้ำก็คือน้ำทุกอย่างที่จะสามารถดื่มได้ในแต่ละวันไม่ใช่แค่เฉพาะน้ำเปล่าอย่างเดียวน้ำทุกๆอย่างเลยและในเรื่องของน้ำที่อยู่ในอาหารด้วยเช่นกัน

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  เครื่องช่วยฟังคนหูหนวก

bookmark_borderอาการไม่ดีเหมือนปกติที่บางทีอาจเกิดขึ้น เมื่อ “งดการกินมื้อเย็น” เพื่อ “ลดน้ำหนัก”

คนจำนวนมากมักมีความคิดว่า อดข้าวเย็น เป็นแนวทางการลดความอ้วนที่เห็นผลเร็วรวมทั้งมีคุณภาพ เนื่องจากว่ามื้อเย็นเป็นมื้อของกินที่ใกล้เคียงกับเวลาเข้านอน ด้วยเหตุนี้ แคลอรี่ที่ได้รับที่เกิดจากการทานมื้อเย็นก็เลยจะมิได้ถูกเผาผลาญทิ้งไป แม้กระนั้นการลดหุ่นด้วยการอดข้าวเย็น นอกเหนือจากที่จะไม่ได้เรื่องแล้ว ยังอาจจะทำให้น้ำหนักขึ้น ทั้งมีผลต่อสุขภาพ อย่างเช่น อ่อนล้า เหนื่อยขณะตื่น รู้สึกหิวอย่างหนักขณะกำลังนอนหลับ นอนไม่หลับ กรดไหลย้อน

ไม่กินข้าวเย็น กับผลกระทบต่อร่างกาย

“งดการกินมื้อเย็น” เพื่อ “ลดน้ำหนัก” ผู้คนจำนวนมากมั่นใจว่า แม้อยากลดความอ้วนควรจะอดข้าวเย็น เพื่อเป็นการลดจำนวนแคลอรี่ส่วนเกินที่ร่างกายได้รับ ก่อนจะจะต้องนอนโดยมิได้เผาผลาญพลังงาน แม้กระนั้นแม้ปรารถนาลดความอ้วนอย่างมีคุณภาพรวมทั้งมีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง ควรจะทานอาหารให้ครบ 3 มื้อ และไม่ควรจะงดเว้นมื้อของกินมื้อใดมื้อหนึ่ง

มื้อเย็นเป็นมื้อท้ายที่สุดของวันก่อนที่จะไปนอน และก็ในตอนที่นอนพักผ่อนนั้น ร่างกายก็บางทีอาจจะต้องงดอาหารไปอีกระยะยาวอย่างต่ำ 10-12 ชั่วโมง ก่อนถึงเวลารับประทานอาหารมื้อตอนเช้า ตอนช่วงเวลาที่ยาวนี้ร่างกายยังจำต้องใช้พลังงานมากด้วย ฉะนั้น ถ้าเกิดอดข้าวเย็นก็อาจส่งผลให้พลังงานของร่างกายมีน้อยเกินไป กระทั่งทำให้เกิดความรู้สึกอ่อนแรง หรือบางทีอาจมีผลต่อสุขภาพที่เกิดขึ้นกับร่างกายได้ นอกนั้น การอดข้าวเย็นอาจจะส่งผลให้กำเนิดปัญหาดังนี้

  • หมดแรง
  • ไม่คล่องแคล่ว
  • เหนื่อยขณะตื่น
  • รู้สึกหิวอย่างหนักขณะกำลังนอนหลับ
  • ตื่นตอนดึก
  • นอนไม่หลับ
  • กรดไหลย้อน
  • ท้องผูก
  • แสบร้อนกลางอก

ยิ่งกว่านั้น การงดมื้อเย็นยังจะก่อให้รู้สึกหิว รวมทั้งต้องการรับประทานอาหารหวานเยอะขึ้น กระทั่งอาจจะเป็นผลให้หาอะไรรับประทานเป็นมื้อมืดค่ำแทน เปลี่ยนเป็นการรบกวนการลดความอ้วน รวมทั้งอาจทำให้น้ำหนักเพิ่มเยอะกว่าเดิมได้อีกด้วย

ลองเปลี่ยนจากไม่กินข้าวเย็นมาเป็นลดมื้อเย็น

ถ้ารู้สึกกลุ้มอกกลุ้มใจเกี่ยวกับการกินมื้อเย็น เนื่องจากว่ากลัวว่าจะก่อให้ร่างกายได้รับแคลอรี่เยอะเกินไป รวมทั้งยากต่อการเอาออก แม้กระนั้นก็ไม่ต้องการสุขภาพย่ำแย่จากการอดข้าวเย็น บางครั้งอาจจะทดลองเปลี่ยนแปลงจากแนวทางการไม่กินข้าวเย็นมาเป็นการลดมื้อเย็นแทน

โดยเหตุนี้ ถ้าหากอยากลดหุ่นอย่างมีคุณภาพ และไม่จำต้องงดอาหารเย็น ทดลองหันมาใช้เป็นวิธีการลดมื้อเย็นแทน จะได้มีเกิดผลเสียต่อสุขภาพของเรา แล้วน้ำหนักของเราก็มีการลดอย่างมีประสิทธิภาพด้วย นอกจากนี้เราก็ควรที่จะทำการออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย

 

สนับสนุนโดย  เครื่องช่วยฟังคนหูหนวก